คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ไม่ดีซ้ำ ๆ และทำไมเราไม่สามารถก้าวข้ามความทุกข์หรือความสัมพันธ์ที่ไม่ดีได้? บางทีสาเหตุที่ทำให้เราประสบกับเรื่องราวที่ไม่ดีซ้ำ ๆ หรือไม่สามารถย้ายต่อไปได้ อาจมาจากบาดแผลทางใจที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา
บาดแผลทางจิตใจหรือ "Trauma" คือการตอบสนองทางอารมณ์ของมนุษย์ต่อเหตุการณ์ที่สร้างผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง เช่น อุบัติเหตุ การถูกข่มขืน การถูกทำร้ายร่างกาย หรือการประสบภัยจากธรรมชาติ คนที่มีบาดแผลทางจิตใจสามารถมีอาการที่ตรวจสอบได้ เช่น ความหวาดกลัว ความเครียด ความวิตกกังวล หรือความโกรธ เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้ที่ต้องเผชิญความเครียดนาน ๆ โดยไม่ได้รับการบำบัด เช่น อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ มาจากครอบครัวที่มีความรุนแรง หรือตกงานนาน ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดแผลทางจิตใจ คนกลุ่มนี้มักมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว เพราะพวกเขากลัวว่าเหตุการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นซ้ำ จึงยากที่จะเชื่อใจใครง่าย ๆ
นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาและระบุรูปแบบการตอบสนองทางอารมณ์ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีผลเสียต่อความสัมพันธ์ ออกเป็น 5 รูปแบบดังต่อไปนี้
1. รู้สึกว่าตนเองอยู่ในภาวะเสี่ยงตาย
สมองของผู้ที่มีบาดแผลทางจิตใจและไม่ได้รับการรักษาหรือภาวะ PTSD (Post Traumatic Stress Disorder) จะกระตุ้นให้ร่างกายอยู่ในโหมด 'สู้', 'หนี', หรือ 'หยุดนิ่ง' เมื่อพวกเขารู้สึกว่ากำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่คล้ายกับเหตุการณ์ในอดีตที่พวกเขาเคยประสบ โหมดนี้คือสภาวะที่ร่างกายพัฒนาขึ้นมาเพื่อรอดจากอันตราย ผ่านการตัดสินใจว่าจะสู้ หนี หรือหยุดนิ่ง
มนุษย์เป็นสัตว์ที่อยู่ในสังคม ในอดีตเราต้องอาศัยการอยู่ในกลุ่มหรือเผ่าเพื่อรับความคุ้มครอง มีอาหาร และที่อยู่อาศัย การถูกขับไล่ออกจากกลุ่มในอดีตอาจส่งผลต่อการรอดชีวิต ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่มนุษย์พัฒนาสัญชาตญาณในการรอดชีวิต เพื่อสร้างความต้องการให้รับการยอมรับและหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธ
3. การตอบสนองจากความอับอาย
Interpersonal trauma คือ บาดแผลทางจิตใจที่เกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นต่อตนเอง บุคคลในกลุ่มนี้มักถูกทำให้รู้สึกอาย เช่น การถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเหยื่อมักมีความเชื่อว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย หรือสถานการณ์ที่ไม่ดี เช่น ถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ และถูกโยนความผิดให้ เช่น การเลิกกับสามีและอยู่ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สังคมมองว่าเป็นการถูกทอดทิ้งและอื่น ๆ
บุคคลกลุ่มนี้มักจะปิดบังตัวเองหรือไม่กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง เนื่องจากความอายหรือแสดงอาการโกรธเพื่อปกป้องตัวเองจากความรู้สึกเจ็บปวดและความไม่มั่นคงภายในจิตใจ
อีกอย่างที่สังเกตได้คือบุคคลกลุ่มนี้มักมีความอ่อนแอต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ แม้ว่าจะเป็นในด้านที่ช่วยให้พวกเขาพัฒนาปรับปรุงก็ตาม เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าตนเองคือความผิดพลาด ไม่สมบูรณ์แบบ และไม่ต้องการให้ใครรู้หรือไม่ต้องการที่จะยอมรับ ทำให้เกิดอารมณ์โกรธและพยายามปกป้องตัวเอง
ทั้งนี้บางคนอาจมีรูปแบบของการเสพติด ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด แอลกอฮอล์ เกมส์ ทำงานมากจนเกินไป เพศสัมพันธ์ หรือการตอบสนองต่อสิ่งที่กระทบอารมณ์โดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบก่อน พฤติกรรมเหล่านี้มักทำลายความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
4. มีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์
เหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตเท่านั้น แต่ยังสร้างรูปแบบความเชื่อและวิถีชีวิตของบุคคลด้วย
ตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งที่เติบโตในสภาพความขัดแย้งของพ่อแม่ที่พ่อเป็นคนเจ้าชู้ โกหก และดื่มเหล้า ทุกครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะกัน เขาจะรู้สึกเครียดและคิดว่าเขามีส่วนในความขัดแย้งนั้น ทำให้เขาเชื่อว่าผู้ชายมักเจ้าชู้ ติดเพื่อน และชอบดื่มเหล้า
เมื่อเขาโตขึ้นมีคนรัก เมื่อใดก็ตามที่คนรักกลับบ้านดึก เขาก็จะคิดว่าคนรักของเขาต้องโกหกและไปดื่มเหล้าแน่ ๆ ความเชื่อนี้ส่งผลต่อการตีความเหตุการณ์ อารมณ์ และพฤติกรรมการแสดงออก ทำให้เกิดความขัดแย้งและห่างเหินในความสัมพันธ์
ความกลัว ความเจ็บปวด ความล้มเหลว หรือการถูกทอดทิ้งทำให้พวกเขาเลือกปฏิเสธคนอื่นต่อไป ทำให้เมื่อมีปัญหาในความสัมพันธ์ แทนที่พวกเขาจะหาทางเยียวยารักษา พวกเขากลับทำลายมัน หรือในบางรายพวกเขาไม่กล้าบอกความรู้สึกและความกังวลที่แท้จริงของตน พวกเขาต้องการให้คนรักเข้าใจโดยไม่ต้องบอก และเมื่อคนรักไม่เข้าใจหรือไม่ทำตามที่เขาคาดหวัง พวกเขาก็จะรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ และทุกข์ใจ
5. เลือกคู่ที่ไม่เหมาะสมหรืออยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี
คนที่มีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดทางจิตใจตั้งแต่วัยเด็กอาจจะไม่ไว้วางใจในผู้คนอื่น ๆ รู้สึกว่าโลกไม่ปลอดภัยและตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคุ้นเคย จึงสูญเสียความรู้สึกชื่นชมและความเห็นคุณค่าในตนเอง
ด้วยความคุ้นเคยกับการถูกทำร้าย พวกเขามักจะยังคงอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี แม้ว่าจะไม่มีความสุขและต้องเผชิญกับความทุกข์ใจ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะออกจากสถานการณ์นี้ หรือยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง พวกเขาเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติในชีวิตของพวกเขา
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้มักกลัวการอยู่คนเดียว ไม่อยากถูกทอดทิ้ง หรือไม่มีคนรัก พวกเขาคิดว่าแม้ว่าคนที่ทำร้ายพวกเขาจะทำให้พวกเขาทุกข์ แต่ก็ยังคงอยู่ด้วยกัน
นักวิจัยด้านจิตวิทยาอย่าง Dr. Judith Herman ได้กล่าวว่า “การรักษาบาดแผลทางจิตใจต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจ” สิ่งนี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองและผู้อื่นเพื่อการเยียวยา
The Better You Counseling
คุณพร้อมหรือยังที่จะปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง? The Better You Counseling พร้อมเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับสู่ชีวิตที่ดีกว่า ด้วยบริการให้คำปรึกษาที่หลากหลายทั้ง Online และ Onsite เราพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสุขภาพจิตของคุณ
🔓 Individual Counseling: เซสชั่นส่วนตัวเพื่อสำรวจตัวตนและค้นหาแนวทางในการเติบโต
💑 Couple Counseling: เสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างคู่รัก
👥 Group Counseling: แบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่มที่มีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน
เรายังมีหลักสูตรด้านจิตวิทยาที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง เพื่อเสริมทักษะการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ พร้อมด้วยบริการบำบัดรักษาเฉพาะทางสำหรับ:
🩹 ผู้ประสบภาวะสะเทือนขวัญทางใจ (Trauma)
✍️ การบำบัดผ่านการเขียน (Writing Therapy)
🧘♀️ Retreat Program ที่ผสมผสานการบำบัดและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
สำหรับองค์กร เราพร้อมให้บริการ:
🔍 วิเคราะห์สุขภาพจิตในที่ทำงาน
🎓 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีในสถานที่ทำงาน
Comments